ไกด์มืออาชีพสำหรับมังงะและคอมมิก: เลย์เอาต์ การแบ่งช่อง และโฟลว์
เรียนรู้เคล็ดลับของนักวาดมือโปร Steve Ellis ในการวางเลย์เอาต์คอมมิกที่น่ากินใจ! จัดช่องและลำดับหน้าให้ได้อย่างเชี่ยวชาญเพื่อเล่าเรื่องราวที่ไม่สะดุดและน่าติดตาม
สารบัญ
วิธีใช้ช่องคอมมิกเพื่อสร้างเรื่องราว
ในฐานะนักวาดคอมมิก ผมค้นพบวิธีมากมายในการเล่าเรื่อง เรื่องที่ดีต้องการจังหวะ ความไหลลื่น และสมดุล เมื่อแต่งคอมมิกหรือมังงะ เราจะวางองค์ประกอบเหล่านั้นให้สมดุลได้จากการเคลื่อนไหวของตัวละคร การแสดงอารมณ์ของตัวละคร หรือการเลือกเริ่มต้น/จบฉาก และลำดับเหตุการณ์ แต่หนึ่งในเครื่องมือที่ถูกมองข้ามไปมากที่สุดในการเล่าเรื่องคือช่องหรือกรอบ และเพื่อนที่ไม่มีปากเสียงของมันหรือระยะห่างช่องนั่นเอง

ช่องคือขอบเขตที่ห้อมล้อมช่วงเวลาหรือฉากหนึ่งในคอมมิกหรือมังงะ หน้าที่ของมันคือการบรรจุภาพวาดที่นำเสนอไอเดีย แสดงการกระทำ หรือผลักดันเรื่องราวไปข้างหน้า ปกติแล้ว เนื้อหาของช่องแต่ละช่องจะเป็นความคิดที่สมบูรณ์ แต่บางครั้งแนวคิดนั้นอาจจะขยายเต็มหน้ากระดาษ หรือสั้นแค่เพียงช่องคำพูดเดียว
นอกจากเนื้อหาของมันแล้ว ตัวช่องเองก็เป็นเครื่องมือการเล่าเรื่องด้วย โดยการที่ใส่ไอเดียหรือฉากนั้นไว้ มันจึงได้แยกไอเดียนั้นออกจากช่องก่อนหน้าหรือหลังจากนั้น ช่องคือกำแพงที่พูดกับผู้อ่านว่า “นี่คือไอเดียที่สมบูรณ์แล้ว อ่านอันต่อไปได้เลย”
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเมื่อวางเลย์เอาต์คอมมิกหรือมังงะ:
มีตัวอย่างเลย์เอาต์คอมมิกและเทมเพลตช่องมังงะอยู่มากมาย แต่ก็อาจไม่เหมาะกับเรื่องราวที่ต้องการสร้าง เมื่อเริ่มวาดช่องคอมมิกหรือมังงะจากศูนย์ ให้ถามตัวเองว่า:
-
-
- จุดเริ่มต้นและจุดจบของหน้าคืออะไร?
- สิ่งที่ต้องเกิดขึ้นระหว่างสองจุดนั้นเพื่อเล่าความคืบหน้าจากจุดเริ่มต้นจนถึงจุดจบคืออะไร?
- จำนวนขั้นตอนที่จะสามารถเล่าความคืบหน้านั้นได้ดีที่สุด และในแต่ละขั้นตอนต้องมีอะไรบ้าง?
- เราจะแปลขั้นตอนเหล่านั้นเป็นช่องและกรอบของคอมมิกได้อย่างไร?
- เราอยากให้ผู้อ่านเคลื่อนสายตาจากช่องหนึ่งไปอีกช่องหนึ่งอย่างไร?
- ช่องสุดท้ายจะนำไปสู่หน้าต่อไปอย่างไร?
-
ทำภาพตัวอย่างสำหรับเลย์เอาต์คอมมิก
เริ่มต้นด้วยภาพตัวอย่างเพื่อช่วยให้เห็นเรื่องราวและลำดับการอ่านของหน้า วางเลย์เอาต์แต่ละช่องแยกกัน และทำเหมือนว่ามีขนาดเดียวกัน หลังจากนั้นกำหนดตำแหน่งที่จะใส่ช่องอินเซ็ต (เป็นช่องที่เล็กกว่า โดยวางอยู่เหนือช่องที่ใหญ่กว่า) และช่องขนาดใหญ่ต่อ ฉากที่ควรใช้ช่องใหญ่หรือเล็กมีฉากไหนบ้าง? ตรงไหนที่สามารถตัดขอบได้ และควรใช้กรอบแบบไหน?

ทำให้แน่ใจว่าช่องจะพาสายตาของผู้อ่านจากซ้ายไปขวา แล้วลง ตามรูปแบบการอ่านหนังสือคอมมิกแบบตะวันตก ถ้าวาดมังงะ อาจต้องใช้ทิศทางตรงกันข้าม จากทางขวาไปซ้าย การกระทำทั้งหมดภายในช่องควรนำทิศทางการอ่านภายในหน้าหรือลงไปยังช่องถัดไปด้านล่างได้

การวางหน้าที่เสร็จแล้วควรอ่านได้แบบนี้:

พาผู้อ่านไปยังช่องคอมมิกต่างๆ โดยจินตนาการลำดับของหน้าเป็นเส้น ตัวอย่างคอมมิกแบบสองหน้า
ประเภทของช่องหนังสือคอมมิก
ช่องมีอยู่หลายประเภท ซึ่งทั้งหมดเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับการเล่าเรื่อง แม้จะมีรูปแบบที่ค่อนข้างเป็นมาตรฐาน แต่ก็สามารถใช้ได้หลายรูปแบบและผสมผสานเพื่อสร้างความตึงเครียดหรือเน้นจุดสำคัญของเรื่องราว นอกจากนี้ การเพิ่มช่องหลากหลายรูปแบบในการกระทำหนึ่งสามารถช่วยขยายเวลา แสดงรายละเอียด หรือแสดงขั้นตอนของการกระทำที่ไม่เห็นในตอนแรกได้อีกด้วย อีกทั้งยังสามารถใช้ เทคนิคเช่น “ซูมเข้า” เพื่อสร้างความตื่นเต้นหรือความตึงเครียดขณะเล่าเรื่อง เลือกช่องคอมมิกให้เหมาะสมกับแต่ละฉาก
ประเภทของช่องที่เป็นประโยชน์และเหตุผลที่ใช้:
- โคลสอัพหรือซูมเข้าที่ศีรษะเพื่อเน้นการแสดงออกทางสีหน้าของตัวละคร

- โคลสอัพตัวละครหรือวัตถุ (ในกรณีนี้ใช้ช่องอินเซ็ต) เพื่อแสดงความสำคัญ และดึงความสนใจ

- ช็อตระยะไกลสำหรับกำหนดฉากหรือแสดงการกระทำในมุมกว้าง

- ช็อตเงาดำช่วยเสริมความตึงเครียดและทำให้ผู้อ่านมุ่งความสนใจไปที่ข้อมูลสำคัญภายในฉาก

- ใช้ช่องทับซ้อนกันเพื่อแสดงความคืบหน้าของการกระทำหรือฉาก
- ช่องในแนวเฉียงหรือรูปทรงไม่ปกติที่ช่วยเพิ่มความตึงเครียด
- ช่องสแปลชหรือช่องที่ใช้พื้นที่ทั้งหน้าเพื่อแสดงจุดสำคัญในเรื่อง
- “ตัวละครด้านหน้า ตัวละครด้านหลัง” เพื่อเน้นความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครทั้งสอง หรือเพิ่มความตึงเครียด
- ช่องที่แตกซึ่งมีการกระทำหรือตัวละครออกนอกขอบหรือกรอบ เพื่อแสดงถึงการเคลื่อนไหวที่เข้มข้น
วิธีวางช่องคอมมิก: ระยะห่างช่อง
พื้นที่ระหว่างช่องเรียกว่า ระยะห่างช่อง ถ้าช่องแต่ละช่องคือหนึ่งไอเดีย หน้าที่ของระยะห่างช่องก็คือพื้นที่ระหว่างไอเดีย โดยพื้นฐาน พื้นที่ตรงนี้มีเพื่อให้ผู้อ่านมีเวลาในการซึมซับเนื้อหาของช่องแรกก่อนที่จะไปต่อ ระยะห่างช่องควบคุมจังหวะเรื่องราว
โดยทั่วไป ระยะห่างช่องจะมีความกว้างเท่ากันเสมอ ซึ่งแสดงการเปลี่ยนระหว่างช่องอย่างราบรื่นโดยไม่มีการเน้นหรือดัดแปลงในการอ่าน ในอีกด้านหนึ่ง ขอบช่องที่กว้างขึ้นช่วยให้ผู้อ่านมีเวลาและพื้นที่มากขึ้นเพื่อพักและคิดเกี่ยวกับเรื่องราว สิ่งนี้จะสร้างช่วง “ระหว่าง”
ตัวอย่างของช่องที่ไม่มีขอบหรือช่องที่ไม่มีระยะห่างช่อง:

ช่องที่ซ้อนทับกัน:
การลบขอบช่องมักทำให้เนื้อหาของสองช่องกลืนเข้าด้วยกัน เหมือนกับว่าทั้งสองการกระทำเกิดขึ้นพร้อมกันหรือต่อกันทันที เพื่อนำผู้อ่านจากภาพหนึ่งไปอีกภาพหนึ่ง และสร้างความรู้สึกของความเร็วภายในเรื่อง ลองใช้ช่องที่ซ้อนทับกันดู อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเทคนิคที่ยาก เพราะต้องมั่นใจว่าองค์ประกอบของแต่ละช่องไม่รบกวนกัน นอกจากนี้เราคงไม่อยากทำให้ผู้อ่านสับสนหรือยากที่จะแยกจังหวะของหน้า
ตัวอย่างของช่องที่ซ้อนทับกัน:


สร้างระยะห่างช่องให้กว้างต่างกัน:
การใช้ระยะห่างช่องอย่างมีประสิทธิภาพสามารถเสริมความสมจริงของฉาก และแสดงการเปลี่ยนแปลงของเวลาได้

วิธีอื่นๆ ที่สามารถใช้ช่องในการเล่าเรื่อง
การเปลี่ยนรูปทรงของช่องและขอบเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มความเข้มข้นของเรื่อง และเปลี่ยนฉากหรือสถานที่
ตัวอย่างเช่น ใช้สไตล์ขอบที่ต่างกันเพื่อแสดงว่าตัวละครอยู่ในโลกใหม่ สภาวะที่เป็นอยู่ หรือแม้กระทั่งแสดงถึงการเปลี่ยนเวลา เช่น ความทรงจำ หรือลางสังหรณ์
ถ้าอยากวาดภาพความทรงจำในช่องคอมมิก ใช้ขอบที่หยักหรือเบลอเพื่อแสดงถึงการนึกถึงเรื่องในอดีต ก็สามารถใส่ฉากนั้นเข้าไปในช่องความคิด แล้วใช้เหมือนช่องก็ได้! สำหรับลางสังหรณ์หรือแม้แต่การกระทำต่อเนื่อง ลองใช้เส้นขอบที่แตกกระจายดู

ใช้กรอบหรือไม่ใช้กรอบ:
เราควรจำกัดตัวเองอยู่แค่ในช่องคอมมิกตลอดไปไหม! แน่นอนว่าไม่! บางครั้งเราก็สามารถสร้างผลกระทบที่มีพลังได้โดยการเอากรอบออกเพื่อเน้นวัตถุหรือการกระทำโดยเฉพาะ ซึ่งเหมาะกับการใช้กับวัตถุเดี่ยวๆ หรือเงาดำ วัตถุเหล่านี้อาจขยายไปจนถึงขอบกระดาษ และเกินจากบริเวณที่ “ปลอดภัย” ของช่อง ดูตัวอย่างของวัตถุที่ไม่ใส่กรอบหรือวัตถุที่เกินจากช่องที่ด้านล่าง

ท้ายที่สุด การใช้ประเภทช่องต่างๆ เหล่านี้และเทคนิคระยะห่างช่องด้วยกันจะช่วยสร้างเลย์เอาต์หน้าคอมมิกที่มีพลังและให้การเล่าเรื่องที่ดีแบบนี้:
โปรดทราบว่านี่เป็นเพียงวิธีบางส่วนในการเล่าเรื่องคอมมิกหรือมังงะ การทดลองใช้เทคนิควางช่องที่แตกต่างกันเป็นวิธีที่ดีในการทดสอบการเล่าเรื่องก่อนที่จะตัดสินใจวางเลย์เอาต์หน้าในขั้นสุดท้าย นอกจากนี้ สำหรับนักวาดคอมมิกหรือมังงะมือใหม่ การเริ่มวาดโดยใช้เทมเพลตเลย์เอาต์ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เรายังสามารถเรียนรู้ได้อีกจากการอ่านหนังสือคอมมิกเล่มโปรด หรือศึกษาวิธีการวางเลย์เอาต์ช่องของนักวาดมังงะมืออาชีพ
สรุปก็คือ การสร้างจังหวะและความเคลื่อนไหวระหว่างช่องในแบบของตัวเองจะเกิดขึ้นเมื่อเราทำงานและพัฒนาสไตล์ของตัวเอง ดังนั้น ออกไปข้างนอกและเล่าเรื่องราวที่ยอดเยี่ยมกัน!

เกี่ยวกับศิลปิน
ผมชื่อ Steve Ellis นักวาดคอมมิกและภาพประกอบชาวอเมริกัน ผมวาดซีรีส์มนุษย์หมาป่าแนวตะวันตก High Moon และซีรีส์ผจญภัย The Only Living Boy และ The Only Living Girl ผมยังได้ทำโปรเจกต์ภาพประกอบสำหรับ Marvel, DC, Image Wizards of the Coast, Fantasy Flight Dark Horse, Blizzard และอื่นๆ อีกมากมาย ผมชอบช่วยผู้คนสร้างสรรค์งานศิลปะของพวกเขา ดังนั้นติดต่อผมได้ที่เว็บไซต์ของผม หรือ Instagram สำหรับคำถาม!








